Swanson Premium Beta-Carotene (Vitamin A) 25,000 IU/ 300 Sgels

วิตามินเอในรูปของเบต้าแคโรทีน ปลอดภัยสูง ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวและดวงตา!

ราคา: 590 บาท

เบต้าแคโรทีนจากแหล่งธรรมชาติ - วิตามินเอในรูปของเบต้าแคโรทีนจะไม่มีความเสี่ยงจากการกินสะสมเหมือนวิตามินเอทั่วไป และจะทำการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ เมื่อร่างกายต้องการ ส่วนที่ไม่ถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ จะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งสามารถป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ โดยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับบคอเลสเตอรอล เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาว ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เส้นโลหิตในสมองตีบ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และยังช่วยป้องกันโรคต้อกระจกและตาบอดกลางคืนได้

วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร

Code: SW008

Swanson Premium Beta-Carotene (Vitamin A) 25,000 IU/ 300 Sgels
  • A powerful source of antioxidant protection for the entire body
  • Cost-efficient nutrition for your eyes and skin
  • Delivers 25,000 IU of nourishment per softgel

Product Description:

Beta-Carotene (Vitamin A)

"Not only is there great value for the money but the overall feeling of health gives me comfort as I age." ~product review by Barrie
Swanson Beta-Carotene delivers antioxidant protection throughout the body as well as promote vision health. This unique supplement is a natural plant pigment that can be converted into vitamin A by the body as needed. Each softgel delivers 25,000 IU of beta carotene.

Product Label:

Beta-Carotene (Vitamin A)

Supplement Facts

Serving Size 1 Softgel
Amount Per Serving% Daily Value
Vitamin A USP (as beta-carotene)25,000 IU500%
Other ingredients: Gelatin, soybean oil, glycerin, yellow beeswax, purified (deionized) water, soy lecithin.
Suggested Use: As a dietary supplement, take one softgel per day with water.


ประโยชน์ของวิตามินเอ

* ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
* ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรค โดยช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสง
* ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* วิตามินเอช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
* ช่วยลดจุดด่างดำ รอยแผลเป็น รอยแผลสิวที่ผิวหนังได้ดี
* ช่วยสร้างเนื้อเยื่อชั้นนอกของอวัยวะต่างๆ ให้มีสุขภาพดีขึ้น
* ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ผิวพรรณ ผม ฟัน เหงือก และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
* รักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทรอยด์เป็นพิษได้
* หากใช้ทาบริเวณผิวหนังจะช่วยรักษาสิวได้ ลดริ้วรอยตื้นๆ
* ช่วยรักษาโรคผิวหนังชนิดเป็นตุ่มพุพองที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ฝี ชันนะตุ และแผลเปิดต่างๆ ผลจากการขาดวิตามินเอ จะทำให้นัยน์ตาแห้ง มีอาการตาบอดตอนกลางคืน การขาดวิตามินสาเหตุอาจมาจากการดูดซึมไขมันบกพร่องเรื้อรัง พบมากในวัยเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ เนื่องจากการรับประทานอาหารไม่เพียงพอ

วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งต้องใช้ไขมันและแร่ธาตุมาช่วยในการดูดซีมเข้าสู่ร่างกายโดยร่างกายคนเราสามารถเก็บสะสมวิตามินเอได้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหารเสริมทดแทนทุกวันแต่อย่างใด
วิตามินเอแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ วิตามินเอแบบสำเร็จที่เรียกว่า เรตินอล Retinol (พบในอาหารที่มาจากสัตว์เท่านั้น) และโปรวิตามินเอหรือแคโรทีน (พบทั้งพืชและสัตว์) ซึ่งวิตามินเอนั้นมีหน่วยวัดเป็น IU, USP และ RE โดยที่นิยมใช้กันมากก็คือหน่วย IUC
แหล่งอาหารของวิตามินเอที่พบได้โดยทั่วไป เช่น น้ำมันตับปลา ตับ แครอท ผักสีเหลืองและเขียวเข้ม ผักตำลึง ยอดชะอม คะน้า ยอดกระถิน ผักโขม ฟักทอง มะม่วงสุก บรอกโคลี แคนตาลูป แตงกวา ผักกาดขาว มะละกอสุก ไข่ นม มาร์การีน ผลไม้สีเหลือง เป็นต้น โทษของวิตามินเอ ได้แก่อาการ ปวดกระดูก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผมร่วง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ผิวลอก ผมร่วง ตามัว ผดผื่น และอาการตับบวมโต โดยอาจเป็นอันตรายได้สำหรับวัยผู้ใหญ่ที่รับประทานมากกว่า 50,000 IU ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน และสำหรับหญิงตั้งครรภ์อาจแท้งลูกได้หากรับประทาน 18,500 IU ต่อเนื่องกันทุกวัน ส่วนเบต้าแคโรทีน หากทานมากกว่า 34,000 IU ต่อเนื่องกันทุกวัน สีผิวอาจเปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองได้
และศัตรูของวิตามินเอ ได้แก่ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและแคโรทีนจะทำงานขัดแย้งกันกับวิตามินเอ หากในร่างกายมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ

คำแนะนำในการรับประทานวิตามินเอ
  • โดย 5,000 IU เป็นขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่เพศชาย และ 4,000 IU สำหรับเพศหญิง แต่ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ควรหารับประทานเพิ่มอีกเด็ดขาด แต่สำหรับหญิงผู้ให้นมบุตรแล้ว อาจหาอาหารเสริมรับประทานเพิ่มได้ประมาณ 100 IU ในช่วงหกเดือนแรก และเพิ่มอีก 80 IU ในช่วงหกเดือนหลัง
  • ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน ยังไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน เพราะยังไม่ได้รับการจัดให้เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเป็นทางการ แต่โดยทั่วไปแล้วเบต้าแคโรทีน 10,000-15,000 IU ถือเป็นขนาดที่เพียงพอและเทียบเท่ากับขนาดที่แนะนำในวิตามินเอ
  • วิตามินเอในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่วางขายส่วนมากจะมี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรกคือ รูปที่สกัดจากน้ำมันตับปลาตามธรรมชาติและรูปที่กระจายตัวในน้ำ ซึ่งรูปนี้จะเป็นในรูปของแอซิเทตหรือปาล์มมิเทต เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับประทานน้ำมัน เช่น ผู้ที่เป็นสิวหรือหน้ามันมากๆ ซึ่งขนาดที่แนะนำคือ 5,000-10,000 IU รูปแบบที่สอง กรดวิตามินเอแบบทา (Retin-A) ซึ่งใช้ในการรักษาสิว และการรักษาริ้วรอยเป็นหลัก โดนรูปนี้ต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • รูปแบบของวิตามินเอที่จะแนะนำให้รับประทาน คือ วิตามินในรูปของเบต้าแคโรทีน เพราะไม่มีความเสี่ยงจากการกินสะสมเหมือนวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีนสามารถป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ ช่วยลดระดับบคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาว และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย
  • ประโยชน์ของวิตามินเอ การรับประทานวิตามินอี 400 IU จะต้องใช้วิตามินเออย่างน้อย 10,000 IU ควบคู่กัน
  • การรับประทานยาคุมกำเนิด จะทำให้ร่างกายมีความต้องการวิตามินเอน้อยลง
  • หากรับประทานแครอท ตับ ผักขม มันเทศ แคนตาลูป ในปริมาณมากเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องรับประทานวิตามินเอจากอาหารเสริมอีก
  • ไม่ควรรับประทานวิตามินเอร่วมกับน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและแคโรทีน จะทำงานขัดแย้งกันกับวิตามินเอ หากมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ไม่เพียงพอ
  • วิตามินเอจะทำงานร่วมกับ วิตามินบีรวม วิตามินดี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุสังกะสี ได้ดีที่สุด
  • วิตามินเอช่วยป้องกันไม่ให้วิตามินซีถูกออกซิไดซ์
  • หากรับประทานยาลดระดับคอเรสเตอรอล ร่างกายจะดูดซึมวิตามินเอได้น้อยลง และอาจจะหามาต้องรับประทานเสริม
  • หญิงมีครรภ์ไม่ควรใช้วิตามินเอในทุกๆกรณี เพราะเป็นยาที่ออกฤทธิ์แรง ซึ่งเด็กทารกในครรภ์อาจพิการได้
ข้อควรระวัง: หากคุณเป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป หรือไฮโปไทรอยด์ ร่างกายของคุณอาจไม่สามารถเปลี่ยนแอลฟาหรือเบต้าแคโรทีนให้กลายเป็นวิตามิน เอได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้

แหล่งวิตามินเอในธรรมชาติ         จำนวน                        ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
ผักตำลึง น้ำหนัก 100 กรัม 18,608 IU
ยอดชะอม น้ำหนัก 100 กรัม 10,066 IU
คะน้า น้ำหนัก 100 กรัม 9,300 IU
แครอท น้ำหนัก 100 กรัม 9,000 IU
ยอดกระถิน น้ำหนัก 100 กรัม 7,883 IU
ผักโขม น้ำหนัก 100 กรัม 7,200 IU
ฟักทอง น้ำหนัก 100 กรัม 6,300 IU
มะม่วงสุก 1 ผล(โดยเฉลี่ย) 4,000 IU
บรอกโคลี 1 หัว(โดยเฉลี่ย) 3,150 IU
แคนตาลูบ น้ำหนัก 100 กรัม 3,060 IU
แตงกวา 1 กิโลกรัม 1,750 IU
ผักกาดขาว น้ำหนัก 100 กรัม 1,700 IU
มะละกอสุก 1 ชิ้นยาว(โดยเฉลี่ย) 1,500 IU
หน่อไม้ฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 810 IU
มะเขือเทศ น้ำหนัก 100 กรัม 800 IU
พริกหวาน 1 เม็ด(โดยเฉลี่ย) 500-700 IU
แตงโม 1 ชิ้นใหญ่ 700-1,000 IU
กระเจี๊ยบเขียว น้ำหนัก 100 กรัม 470 IU


แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น