Swanson Best Garlic Supplements Garlic with Lecithin- 600/380 mg 200 Caps

กระเทียมสกัดเข้มข้น + เลซิติน ลดคลอเรสเตอรอล บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคความจำเสื่อม เสริมภูมิต้านทาน ลดภูมิแพ้

ราคา: 850 บาท

• สูตรพิเศษเพื่อสนับสนุนไขมันดี การไหลเวียนของเลือด กระปรี้กระเปร่า ลดคลอเรสเตอรอล ส่งเสริมการทำงานของสมอง
• มีส่วนผสมของกระเทียมแบบไร้กลิ่น (Ordor-Controlled Garlic) - ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือด ให้อยู่ในระดับสมดุล และเลซิตินจากถั่วเหลือง (Lecithin) - ช่วยจับไขมันและคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานได้อย่างลงตัว
• ใน 1 เม็ดแคปซูล ประกอบด้วย สารสกัดกระเทียมเข้มข้น 300 mg + เลซิติน 190 mg เพื่อบำรุงรักษาหัวใจและหลอดเลือด

วิธีรับประทาน: ครั้งละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร วันละ 2 เวลา

Code: SWG12

Swanson Best Garlic Supplements Garlic with Lecithin- 600/380 mg 200 Caps

  • Potent combo promotes healthy lipid levels and mental sharpness
  • Features the lipid-balancing power of garlic and the fat-emulsifying capabilities of soy lecithin
  • Each capsule delivers 300 mg of garlic and 190 mg of lecithin for all-natural cardiovascular maintenance

Product Description:

Garlic with Lecithin

"I like the combination of the garlic with the lecitin. It is definetly a good bargin. I'm also impressed with the garlic that does not repeat on me." ~ product review by smurty
Swanson Garlic with Lecithin is an excellent way to help maintain mental sharpness. Lecithin promotes healthy brain function and garlic supports blood flow to the brain. Plus, they encourage healthy cholesterol levels. Each capsule contains 300 mg of odor-controlled garlic and 190 mg of lecithin powder.

Product Label:

Garlic with Lecithin

Supplement Facts

Serving Size 2 Capsules
Servings Per Container 100
Amount Per Serving% Daily Value
Odor-Controlled Garlic (Allium sativa) (bulb) (minimum 10,000 ppm allicin potential)600 mg*
Lecithin Powder (from soy)380 mg*
*Daily Value not established.
Other ingredients: Gelatin, microcrystalline cellulose (plant fiber), magnesium stearate, silica.
Suggested use: As a dietary supplement, take two capsules two times per day with food and water.

กระเทียม (Garlic)
1. น้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) มีสารสำคัญ คือ อัลลิซิน ซึ่ง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือด ขาว เช่น Macrophages และ T-lymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายเรามีเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลในการช่วยบรรเทา และลดอาการภูมิแพ้
2. ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกระเทียมจึงมีส่วนในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการแพ้ต่างๆ และลดอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น
คุณประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของกระเทียมนั่นคือ คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของกระเทียม มากกว่านั้นสารประกอบในกระเทียมจะยับยั้งการก่อมะเร็งของสารไนโตรซามีนในร่างกายซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารเนื้อสัตว์จำพวกแปรรูป เช่น กุนเชียง แหนม เป็นต้น

จากสรรพโยชน์ที่มีอยู่ในกระเทียมสมุนไพรใกล้ตัวเรานั้นมีอยู่มากมาย ถ้าหากสามารถบริโภคกระเทียมให้ได้ปริมาณสารสำคัญที่มากพอในแต่ละวัน กระเทียมจะสามารถช่วยเป็นเกราะป้องกันร่างกายให้ห่างจากโรคร้ายได้เป็นอย่าง ดี แต่สารสำคัญของกระเทียมโดยเฉพาะอัลลิซินยังมีคุณสมบัติไม่คงตัว สลายตัวได้ง่าย เพียงสัมผัสกับความร้อนแค่ 6 วินาที สารสำคัญอัลลิซินที่อยู่ในกระเทียมจะหมดไปทันที ดังนั้นน้ำมันกระเทียมสกัดในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นอีกทางเลือก หนึ่ง ที่สามารถรักษาคุณค่าของสารสำคัญที่มีอยู่ในกระเทียมได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังสะดวกในการรับประทาน ไม่ต้องพบกับปัญหาเรื่องรสชาดและกลิ่นที่จะตามมาอีกด้วย 

         หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อน้ำมันกระเทียมสกัด
  1. ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานยาระดับสากล ( Pharmaceutical Grade) เพราะสามารถมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยปราศจากผลข้างเคียงและสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  2. ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรร และมีส่วนผสมของธรรมชาติ ไม่ใช้สีสังเคราะห์ วัตถุปรุงแต่งและวัตถุกันเสีย ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดกลิ่นรบกวนหลังการรับประทาน จึงบริโภคได้อย่างสะดวกและไม่สร้างความรำคาญให้คนข้างเคียงเหมือนการรับ ประทานกระเทียมสด
ซึ่งปัจจุบัน “น้ำมันกระเทียม” ที่ผลิตออกมาในรูปแคปซูล กำลังเป็นที่นิยมมากในยุโรปและอเมริกา เพราะสะดวกในการรับประทานและไม่ต้องกังวลเรื่อง “กลิ่นปาก” อีกด้วย

การผสมผสานคุณประโยชน์ 3 ประการ ของกระเทียม….ที่ช่วยสร้างสมดุลให้แก่หัวใจ

1. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เพราะ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจส่วนใหญ่ เนื่องมาจากการสะสมเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งกระเทียมมีส่วนช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือด โดยไขมันชนิดนี้เป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดจาก การวิจัยพบว่าสารประกอบซัลเฟอร์ในกระเทียม โดยเฉพาะอัลลิซิน สามารถลดปริมาณโคเลสเตอรอลรวม และ โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL-cholesterol) ได้ดี
สำหรับกรณีผู้ที่มีปัญหาระดับไขมันโคเลสเตอรอลสูงมากกว่า 210 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรควร เสริมด้วยน้ำมันสกัดจากถั่วเหลือง หรือเลซิตินควบคู่กับกระเทียม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดให้ดียิ่งขึ้น

***แต่ กรณีผู้ที่มีปัญหาระดับไขมันโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงทั้งคู่ ควรเสริมด้วยน้ำมันปลา โอเมก้า-3 ควบคู่กับกระเทียม จะช่วยลดไขมันทั้งโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอรไรด์ได้อย่างดีรวมทั้ง น้ำมันปลายังมีผลในเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-cholesterol) ที่มีหน้าที่ในการนำพาไขมันโคเลสเตอรอล ที่สะสมและอุดตันในหลอดเลือดกลับไปทำลายหรือเผาผลาญที่ตับ ดังนั้นหากสามารถเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-cholesterol) เพียง 1 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 3-4%

2. ลดสภาวะความดันโลหิตสูงโดย สามารถลดความดันโลหิตค่าบน (Systolic Blood Pressure) ได้ 7.7 มิลลิเมตรปรอท และลดความดันโลหิตค่าล่าง (Diastolic Blood Pressure) ได้ 5 มิลลิเมตรปรอท

3. ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดได้ถึง 58% เพราะ การมีไขมันสะสมที่หลอดเลือดมากเกินไป จนก้อนไขมันเกิดการแตกตัว จะส่งผลกระตุ้นให้เกิดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดเพื่อมาปิดก้อนไขมันที่แตกออก ทำให้หลอดเลือดเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบบพลัน หรือสมองขาดเลือด จนเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้


กระเทียม……สร้างสมดุล เสริมภูมิต้านทาน ลดภูมิแพ้

คุณ เป็นคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเช่นนี้หรือไม่ พออากาศเริ่มเปลี่ยน ก็มีอาการคันจมูก ตา และลำคอ จนต้องไอ หรือจาม ไม่ยอมหยุด บางครั้งอาจมีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา พร้อมกับอาการปวดบริเวณศีรษะ โหนกแก้ม และบริเวณหน้าผาก หากคำตอบคือ “ใช่” คุณ คือ ผู้หนึ่งที่มีอาการของโรคภูมิแพ้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ เกิดจาก 2 ปัจจัย คือ

> ปัจจัยภายใน เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
> ปัจจัยภายนอก โดยได้รับการกระตุ้นจากมลภาวะต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่น ควัน หรือมลพิษ

มี หลายวิธีที่เราสามารถปฏิบัติเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานผักและผลไม้ เสริมวิตามิน เช่น วิตามิน ซี ควบคู่กับการเลือกใช้สมุนไพร เช่น น้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) เพื่อช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกันได้….เนื่องจาก

1. น้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) มีสารสำคัญ คือ อัลลิซินซึ่ง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือด ขาว เช่น Macrophages และ T-lymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายเรามีเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลในการช่วยบรรเทา และลดอาการภูมิแพ้

2. ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยฆ่า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกระเทียมจึงมีส่วนในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการแพ้ต่างๆ และลดอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น

*** และกรณีที่เสริมด้วยการรับประทานวิตามิน เช่น วิตามินซีควบคู่กับน้ำมันกระเทียม พบว่าจะช่วยบรรเทาและลดความถี่ของโรคภูมิแพ้ เนื่องจากทั้งวิตามินซีและน้ำมันกระเทียมจะเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นให้ เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกายเพิ่มมากขึ้น ส่งเสริมให้ภูมิต้านทานของร่างกายดีขึ้นอย่างชัดเจน.

เลซิติน (Lecithin)
เลซิติน (Lecithin) เลซิตินเป็นสารธรรมชาติที่ประกอบด้วยฟอสฟอรัสกับไขมันบางชนิด และวิตามินในกลุ่มวิตามินบี ไม่สำคัญว่าเลซิตินประกอบด้วยสารใดบ้างแต่สิ่งสำคัญคือเลซิตินเป็นหน่วยพื้น ฐานในทุกๆเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ที่สำคัญไปกว่านี้ก็คือเลซิตินนั้นช่วยจับไขมันและคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ด้วยคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ของเลซิติน คือ การที่เลซิตินสามารถละลายในได้ทั้งน้ำและไขมัน เลซิตินจึงละลายอยู่ในกระแสเลือดแล้วคอยจับเอาไขมัน หรือคอเลสเตอรอลที่ล่องลอยอิสระในกระแสเลือดและไขมันที่เกาะตามผนังหลอด เลือดไว้ ด้วยวิธีนี้ของเลซิตินจึงทำความสะอาดระบบหมุนเวียนโลหิตได้ ส่วนประกอบที่พบมากที่สุดในเลซิตินคือ สารฟอสฟาติดิลโคลีน (phosphatidylcholine) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารอันอุดมไปด้วยสารโคลีน โคลีนจัดเป็นสารประกอบในกลุ่มของวิตามินบี ที่มีความสำคัญคือเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารสื่อประสาทในสมองของเรา สารดังกล่าวคือ อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine)
คุณประโยชน์
1. สามารถละลายในได้ทั้งน้ำและไขมัน และช่วยจับไขมันและคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ทำความสะอาดระบบหมุนเวียนโลหิตได้ จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด
2. เป็นวัตถุดิบในการผลิตสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น
3. ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)
5. ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
6. การใช้เพื่อป้องกัน และรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s disease)
เลซิตินจะพบได้ นมสด ชีส เนย ไข่ เนื้อวัว ถั่วเหลือง ข้าว แป้ง ถั่วลิสง และแครอท ในปัจจุบันอุตสาหกรรมนิยมผลิตเลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลือง เพราะให้สารเลซิตินสูงถึง 31.7% w/w ในขณะที่ถั่วลิสงให้เพียง 22.6% w/w และถึงแม้ว่าในไข่แดงจะให้ เลซิตินสูงถึง 78.8% w/w แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมใช้เพราะไม่ให้ผลดีเท่า เลซิตินสกัดจากถั่วเหลือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น