Swanson Superior Herbs Cordyceps Complex/ 60 Veg Caps

รวมสารสกัดเห็ดสมุนไพรจากธรรมชาติ ตังถั่งเช่า + เห็ดหลินจือ + เห็ดชิตาเกะ ในเม็ดเดียว เสริมระบบภูมิคุ้นกัน ชะลอวัย

 

ราคา: 550 บาท

- Cordyceps (ตังถั่งเช่า) เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสมรรถภาพทางเพศในชาย-หญิง ฟื้นฟูไต ช่วยเพิ่มเอนไซม์ SOD ในการต้านอนุมูลอิสระ
- Reishi (เห็ดหลินจือ) ชื่อว่า “เทพเจ้าแห่งชีวิต” เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอวัย ล้างพิษปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านมะเร็ง ลดการอักเสบ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รักษาโรคภูมิแพ้และหลอดลมอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด ลดคลอเลสเตอรอล เสริมการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลความดันโลหิตสูง-ต่ำ บำรุงตับและไต รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- Shiitake Mushroom (เห็ดชิตาเกะ) มีสารเลนติแนน (Lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้เชื้อโรค

วิธีรับประทาน: ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร วันละ 1-2 เวลา

Code: SWH231

Swanson Superior Herbs Cordyceps Complex/ 60 Veg Caps

"Normally, cordyceps mushroom (or the extract) is very expensive. ... The mushroom blend from Swanson is affordable and also has Reishi and Shiitake, making it an even better value." ~product review by Timmin

Modern science and ancient Chinese herbal wisdom join forces to bring you unprecedented support for your body's natural defenses. For hundreds of years, Chinese herbalists have treasured reishi and shiitake mushrooms and the highly prized "caterpillar fungus," Cordyceps sinensis, as powerful natural tonics to reinforce the immune system during times of increased stress. Our special formula features state-of-the-art extracts of these three esteemed fungal defenders standardized to deliver consistent concentrations of active constituents for guaranteed potency in each veggie capsule.

Supplement Facts

Serving Size 1 Veggie Capsule
Amount Per Serving% Daily Value
Cordyceps sinensisMushroom Extract (mycellium) (standardized to minimum 7% cordyceptic acid)200 mg*
Reishi Mushroom Extract(Ganoderma lucidum) (fruiting bodies) (standardized to minimum 30% polysaccharides)200 mg*
Shiitake Mushroom Extract(Lentinus edodes) (fruiting bodies) (standardized to minimum 20% polysaccharides)200 mg*
*Daily Value not established.
Other ingredients: Rice flour, hypromellose (vegetable capsule), maltodextrin, silica.
Suggested use: As a dietary supplement, take one veggie capsule one to two times per day with water.
WARNING: Do not take this product if you are pregnant or nursing. Consult your healthcare provider before use if you are currently taking any prescription medications or receiving medical treatment. Discontinue use if unusual symptoms occur.
ณ วันนี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยิน คำว่า “ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” สมุนไพรที่อ้างกันว่าช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ จริง ๆ แล้ว “ถั่งเช่า” คืออะไร มีสรรพคุณตามคำกล่าวอ้างเหล่านั้นหรือไม่? บทความนี้มีคำตอบ
“ถั่งเช่า” หรือที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” หรือ ตังถั่งเช่า หรือ ตังถั่งแห่เช่า แปลเป็นไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” หรือที่เรียกกันว่า “หญ้าหนอน” ทั้งนี้เพราะว่า ยาสมุนไพรชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นตัวหนอน คือ ตัวหนอนของผีเสื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตัวหนอนมีเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. หนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย สปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลาย แล้วไปตกที่พื้นดิน จากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์ และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น เส้นใยงอกออกจากท้องของตัวหนอน และงอกออกจากปากของมัน เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน รูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อย ๆ ตายไป อยู่ในลักษณะของหนอนตายซาก ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือ ตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง
ถั่งเช่าพบได้ในแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาประเทศจีน (ธิเบต) เนปาล และภูฏาน ระดับความสูง 10,000-12,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เพาะในบริเวณภาคใต้ในมณฑลชิงไห่ เขตซางโตวในธิเบต มณฑลเสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว การเก็บถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่อขุดตัวหนอนขึ้นจากดินแล้ว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตากแห้ง การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง
“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้น
องค์ประกอบทางเคมีของถั่งเช่า
ถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น โปรตีน วิตามินต่างๆ ( Vit E, K, B1, B2 และ B12) และแร่ธาตุต่าง ๆ (โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม) เป็นต้น

รายงานการวิจัยในคน
ถึงแม้ว่า “ถั่งเช่า” มีการใช้อย่างแพร่หลายและมีราคาสูง แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาในคนอย่างเป็นระบบมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
• กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ พบว่าการวิจัยในผู้ชาย 22 คน ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และมีผลลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง 29% และมีอีกกรณีศึกษาในผู้ป่วยทั้งชายและหญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง พบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการรับประทานถั่งเช่าจะช่วยปกป้องและช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 300 % และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86%
• กรณีศึกษาฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยทำการศึกษาในผู้ชาย 5 คน (อายุเฉลี่ย 35 ปี) ที่ถุงลมถูกกระตุ้นให้อักเสบด้วย lipopolysaccharide (LPS) พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น interlukin-1beta (IL-1beta), interlukin-6 (IL-6), interleukin-8 (IL-8), interleukin-10 (IL-10) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-alpha) ได้ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
• กรณีศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยการให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3 กรัม/วัน พบว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95% ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง 54%
• กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการฟื้นฟูระบบการทำงานของไต โดยให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3-5 กรัม/วัน พบว่าถั่งเช่าทำให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดีขึ้น และพบว่าหลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะไตวาย ได้แก่ ลดความดันโลหิต ลดระดับโปรตีนในปัสสาวะ ลดการเกิดภาวะโลหิตจาง และช่วยเพิ่มเอนไซม์ superoxide dismutase (SOD) ซึ่งป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีรายงานว่าการให้ผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่องจากการใช้ยา gentamicin รับประทานถั่งเช่า 4.5 กรัม/วัน มีผลทำให้ระบบการทำงานของไตดีขึ้นเป็นปกติ 89 % เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากรับประทานถั่งเช่าภายใน 6 วัน

การศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เป็นการทดลองในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
ข้อควรระวัง
1. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
2. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
3. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรสุดฮิตในปัจจุบัน เป็นการใช้ตามสรรพคุณของภูมิปัญญาที่มีมานานกว่าศตวรรษ แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาทางคลินิกยังมีน้อย ฉะนั้นการใช้ถั่งเช่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ ถั่งเช่ามีราคาสูงมาก ทั้งนี้ยังพบว่าในท้องตลาดมีถั่งเช่าหลายระดับคุณภาพมาก ตามภูมิปัญญาของจีนมีการจัดคุณภาพของถั่งเช่าเป็น 3 ระ ดับ ระดับที่ดีที่สุด ความยาวของตัวเห็ดจะเท่ากับความยาวของตัวหนอน (ประมาณ 3-4 เซนติเมตร) ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าสีทองซึ่งเป็นเห็ดสกุลเดียวกับตังถั่งเช่า (Cordyceps) แต่คนละชนิด (species) และมีการกล่าวอ้างว่ามีคุณภาพดีกว่าตังถั่งเช่า ซึ่งจะต้องมีการศึกษาพิสูจน์ต่อไป นอกจากนี้ขนาดบริโภคของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร ขนาดการใช้ที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้ การใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงในนมบุตร และในเด็ก ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ และห้ามใช้ในคนที่แพ้เห็ด Cordyceps ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ฉะนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้และควรมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการใช้ถั่งเช่าในการรักษาโรคเพื่อความปลอดภัยและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
เอกสารอ้างอิง
1. http://www.naturalstandard.com/
2. Shashidhar MG, Giridhar P, Udaya Sankar K, Manohar B. Bioactive principles from Cordyceps sinensis: A potent food supplement – A review. J Functional Food 2013;5(3):1013-30.

เห็ดหลินจือ ราชาแห่งเห็ดยาอายุวัฒนะ

เห็ดหลินจือ มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุที่นิยมและมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่าลูซิดั่ม (Ganoderma lucidumหรือสายพันธุ์สีน้ำตาลแดง โดยทั่วไปเห็ดหลินจือจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากเมื่อตอนเริ่มเป็นต้นอ่อนจะมีสีเหลืองอ่อนเมื่อเจริญเติบโตจะมีสีเข้มเพื่อขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีน้ำตาล โดยจะค่อยๆมีสีน้ำตาลจากโคนดอกขยายไปจนถึงปลายดอก แล้วจึงมีสีเข้มขึ้นทั่วไป
เห็ดหลินจือ มีชื่อพื้นเมืองหลายชื่อ เช่น เห็ดหมื่นปี เห็ดอมตะ เห็ดจวักงู ชื่อในภาษาอังกฤษคือ Holy Mushroom แปลว่า เห็ดศักดิ์สิทธิ์หรือ Lacquered Mushroom แปลว่า เห็ดที่มีผิวเหมือนทาแล็กเกอร์ ในประเทศจีนเรียกเห็ดนี้ว่า Ling Zhi (หลินจือ) ส่วนในประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า Reishi ชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Ganoderma (กาโนเดอร์มา) เป็นเห็ดสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยคุณประโยชน์ของสารอาหารที่มีอยู่มากมายใน เห็ดหลินจือ สามารถช่วยป้องกัน บรรเทา และรักษาอาการเจ็บป่วยได้ เห็ดหลินจือจึงไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่ด้วยคุณค่ามหาศาลจึงสามารถถือว่าเห็ดหลินจือเป็นยาชั้นดีได้เลยทีเดียว
ธรรมชาติของ เห็ดหลินจือ จะแปลจากเห็ดโดยทั่วไปคือ เห็ดอื่นๆ หากขาดอาหารจะหยุดการเจริญเติบโตและตายไปในที่สุดแต่ดอกเห็ดหลินจือจะหยุดการเจริญเติบโตไว้ชั่วคราว รอจนมีน้ำและอาหารที่สมบูรณ์อีกครั้งแล้วเห็ดก็จะเจริญเติบโตได้อีกจึงทำให้เห็ดหลิยจือบางดอกมีอายุมากกว่า 10-100 ปี ซึ่งตำรายาจีนได้บอกถึงคุณลักษณะของเห็ดหลินจือชั้นดีเอาไว้ว่า ต้องมีก้านยาวขอบหนาออกสีน้ำตาลแดงเป็นมันเงา

สรรพคุณเห็ดหลินจือกับโรคต่างๆ

เห็ดหลินจือกับความดันโลหิตสูง
เห็ดหลินจือมีสารออร์แกนิกเยอร์มาเนียมจำนวนมากเพียงพอที่จะฟื้นฟูอวัยวะที่ขาดออกซิเจนได้ สารออร์แกนิกเยอร์มาเนียมในเห็ดหลินจือจะช่วยดึงออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดเพิ่มขึ้น จึงช่วยปรับความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะสมดุล ช่วยลดความดันโลหิตทำให้การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ นอกจากนั้นยังช่วยระบบการย่อยส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรรอลและไขมัน ช่วยล้างพิษในตับได้อีกด้วย
เห็ดหลินจือกับโรคตับ
เห็ดหลินจือช่วยบำรุงตับ ฟื้นฟูการทำงานของตับ กระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่แทนเซลล์ที่ตายไป และเห็ดหลินจือช่วยปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำงานผิดเพี้ยนและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเห็ดหลินจือเป็นแอนติออกซิแดนต์ที่ดี สามารถขจัดอนุมูลอิสระ เห็ดหลินจือมีคุณสมบัติที่ช่วยรักษาโรคตับแข็งได้ ก็เพราะเห็ดหลินจือช่วยทำให้ใยแผลเป็นที่ตับคลายตัวไม่รัดเส้นเลือดและเนื้อเยื่อที่ตับ
เห็ดหลินจือกับโรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง เส้นเลือดหัวใจตีบ อัมพาต อัพฤกษ์
เห็ดหลินจือสามารถละลายลิ่มเลือดไม่ให้อุดตันได้ เห็ดหลินจือมีสารสำคัญที่เรียกว่า นิวคลีโอไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดที่อุดตันไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไปจนเกิดการอุดตันของเส้นเลือดนอกจากนั้นเห็ดหลินจือยังช่วยในการลดไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดไม่ให้มากเกินไป ซึ่งเห็ดหลินจือก็ช่วยขจัดสาเหตุหนึ่งของโรคไปได้
เห็ดหลินจือกับโรคเกาต์
ในเห็ดหลินจือมีสารออร์แกนิกเยอร์มาเนียม เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายดูดซึมได้อย่างรวดเร็วช่วยในการควบคุมและปรับสมดุลของร่างกายให้เกิดความสมดุลระหว่างภาวะกรดและด่างในร่างกาย ก็อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์และช่วยป้องกันโรคเกาต์ในกรณีของคนที่ยังไม่เป็นได้
เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือสามารถต้านทานโรคมะเร็งได้ดีเพราะว่าในเห็ดหลินจือมีสารโพลีแซ็กคาไรค์ ซึ่งจัดเป็นสารสำคัญทางเภสัชวิทยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง สารโพลีแซ็กคาไรด์มีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็ง ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้านอนุมูลอิสระ และกำจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกายเพราะว่าอนุมูลอิสระนั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้แล้วเห็ดหลินจือยังช่วยทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ป้องกันการเกิดใหม่ของมะเร็ง ลดปัจจัยความเสี่ยงของมะเร็ง นอกจากนั้นการรับประทานเห็ดหลินจือจะทำให้ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ลดความกังวล บรรเทาอาการปวดต่างๆ
เห็ดหลินจือกับโรคภูมิแพ้
สารโพลีแซ็กคาไรด์และไตรเทอร์ปินอยด์ เป็นสารที่มีรสขม ในเห็ดหลินจือสามารถยับยั้งการผลิตฮิสตามีนได้ส่วนใหญ่อยู่ที่ดอกและก้าน มีกรดกาโนเดริก ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งของสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ นอกจากนั้นยังมีกรดไขมันโอเลอิก และไซโคลออกตาซัลเฟอร์ในเห็ดหลินจือ ยังช่วยต้านการหลังของฮิสตามีนซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ เมื่อร่างกายไม่มีการผลิตฮิสตามีน หรือมีการผลิตน้อยลงอาการภูมิแพ้ก็จะทุเลาลงด้วยเช่นกัน ทำให้อาการดีขึ้นได้
เห็ดหลินจือกับอาการปวดประจำเดือน
การเกิดอาการปวดประจำเดือนเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงระหว่างรอบเดือน บางครั้งเกิดจากการขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หรือขาดกรดไขมันจำเป็น เช่น กรดแกมาลิโนเลนิก ขาดวิตามินบี 5 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมรอบประจำเดือน เห็ดหลินจือสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้นจึงช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนให้หายไปได้ เห็ดหลินจือจะปรับระบบไหลเวียนของโลหิตให้เข้าสู่ภาวะปกติและที่สำคัญในเห็ดหลินจือนั้นยังมีกรดแกมมาลิโนเลนิก ที่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดี
เห็ดหลินจือกับโรคประสาท (โรคเครียด)
เห็ดหลินจือมีสารปรับสมดุลที่สามารถลดความเครียดในสมองและเสริมสร้างสารสื่อประสาทให้แก่สมอง กระตุ้นประสาท และยังสามารถปรับให้การทำงานของสมองกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ช่วยลดความพิการที่เกิดจากสมองเสื่อมและช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปลี้ยงสมองทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองให้สูงขึ้นผู้ที่รับประทานเห็ดหลินจือเป็นประจำระดับความเครียดจะลดลงและช่วยลดปริมาณการใช้ยาคลายเครียดได้
เห็ดหลินจือกับโรคริดสีดวงทวาร
เห็ดหลินจือจะช่วยในการย่อยอาหาร และมีตัวยาที่จะทำให้แผลหรือตุ่มบริเวณทวารหนักทั้งภายในและภายนอกหายไปและทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ เมื่อกินเห็ดหลินจือสารนิวคลีโอไซด์ในเห็ดหลินจือซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดที่อุดตันไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไปจนเกิดการอุดตันของเส้นเลือดจะช่วยรักษาอาการริดสีดวงทวารได้อย่างดี
เห็ดหลินจือกับโรคอื่นๆ
นอกจากสรรพคุณของเห็ดหลินจือที่มีต่อโรคต่างๆ ที่กล่าวมา เห็ดหลินจือยังช่วยขับปัสสาวะให้ร่างกายเกิดความสมดุล เลือดลมไหลเวียนสะดวก เหมาะสำหรับการปรับร่างกายให้พร้อมในกรณีผู้ที่บุตรยาก หรือในกรณีผู้ที่มีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เห็ดหลินจือซึ่งถือเป็นยาอายุวัฒนะนั้นยังช่วยบำบัดอาการให้ดีขึ้นอีกด้วย

ขอบคุณบทความ: hlingzhi.com

เห็ดชิตาเกะ (Shitake Mushroom)

เห็ดชิตาเกะ (Shitake Mushroom) หรือในภาษาจีน ภาษาเวียดนาม และภาษาไทย มีชื่อเรียกที่แปลได้ตรงกันว่า ‘เห็ดหอม’ เห็ดชนิดนี้ไม่ได้มีราคาเกินเอื้อม ดังจะเห็นได้บ่อยในเมนูทั่วไปที่กินกันอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะเมนูอาหารจีนนั้นแทบจะขาดเห็ดหอมไปไม่ได้เลย เช่นเดียวกันกับประวัติการแพทย์จีนที่มีชื่อเห็ดหอมอยู่เคียงคู่มานานกว่า 6,000 ปีแล้ว
คนจีนโบราณนั้นใช้เห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงเลือดลม ป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจและโรคติดเชื้อจากไวรัส สมัยราชวงศ์หมิงเห็ดหอมยังเป็นสมุนไพรชะลอชราและช่วยเพิ่มพลังอีกด้วย ตัวเลขทางโภชนาการปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าเห็ดหอม 1 ถ้วยมีวิตามินบี 3 มากถึงร้อยละ 30 ของที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว ไม่นับสารอาหารอื่นๆ อีกเพียบ ที่สำคัญคือ เห็ดหอมมีสารเลนติแนน (Lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้เชื้อโรคอยู่เสมอ และยังช่วยลดไขมันในเลือดได้ด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น